เกตหิมะเมาส์

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561

รูปแบบการเรียนการสอน

รูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนการสอนของไทย
         

                ผู้เขียนได้เสนอรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งได้รับการยอมรับและนำไปใช้ ในการจัดการเรียนการสอนกันอย่างกว้างขวางพอสมควร นักศึกษาไทยได้ติดตามศึกษาความก้าวหน้าด้านวิชาเหล่านี้ และได้นำมาเผยแพร่ในวงการการศึกษาไทย ซึ่งได้รับความนิยมมากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไปตามความคิดเห็นและความเชื่อถือของผู้รับ ในขณะเดียวกันได้มีนักคิด นักการศึกษา และครูอาจารย์ ผู้มีประสบการณ์ในการจัดการศึกษาและการเรียนรู้จำนวนหนึ่ง ที่ได้พยายามคิดค้นหรือพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนขึ้นจากความรู้ ความคิดและประสบการณ์ของตน หรือประยุกต์จากทฤษฎีหรือหลักการที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้ว เช่นประยุกต์จากหลักพุทธรรมหรือประยุกต์จากแนวคิดต่างประเทศ โดยพิจารณาให้เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของไทย ปัญหาความต้องการและธรรมชาติของเด็กไทย กระบวนการการเรียนการสอนที่ได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบและได้รับการทดลองใช้เพื่อพิสูจน์ทดสอบประสิทธิภาพแล้ว ถือว่าเป็นรูปแบบการเรียนการสอนหรือเป็นแบบแผนของการจัดการเรียนการสอนที่ผู้อื่นสามารถนำไปใช้แล้วจะเกิดผลตามวัตถุประสงค์ของรูปแบบนั้นได้ นับว่าเป็นการช่วยให้แนวทางแก่ผู้ปฏิบัติ ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก
           
           นอกจากการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนดังกล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งที่อยู่ในวงการการศึกษาหรือเกี่ยวข้องกับการศึกษาและกลุ่มที่อยู่ในวงการอื่นที่ไม่ใช่การศึกษา แต่สนใจในเรื่องการจัดการศึกษา ได้เสนอแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนไว้อย่างเป็นกระบวนการ คือมีขั้นตอนที่เป็นไปอย่างมีลำดับชัดเจน ซึ่งถึงแม้จะยังไม่ได้รับการทดลองใช้อย่างเป็นระบบและพิสูจน์ทดสอบประสิทธิภาพตามหลักการแล้ว แต่ได้รับความเชื่อถือจากสังคมไม่น้อย ผู้เขียนขอเรียกผลงานในลักษณะนี้ว่าเป็น "กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน" ดังนั้นในบทนี้ ผู้เขียนจึงจะนำเสนอในรูปแบบและกระบวนการดังกล่าวข้างต้น โดยแบ่งออกเป็น หมวดใหญ่ ๆ คือ 
1.รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นโดยนักการศึกษาไทย
2.รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาโดยนิสิตนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
3.กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน


        รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขั้นโดยนักการศึกษาไทย 
                     
1 รูปแบบการเรียนการสอนทักษะกระบวนการเผชิญสถานการณ์พัฒนาโดย สุมน อมรวิวัฒน์


ก.ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
         อมรวิวัฒน์(2533:168-170) ได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนนี้ขึ้นมา จากแนวคิดที่ว่า การศึกษาที่แท้ควรสัมพันธ์สอดคล้องกับการดำเนินชีวิต ซึ่งต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การศึกษาที่แท้จริงควรช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ที่จะเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆเหล่านั้น และสามารถเอาชนะปัญหาเหล่านั้นได้โดย
1.การเผชิญ ได้แก่ การเรียนรู้ที่จะเข้าใจภาวะที่ต้องเผชิญ
2.การผจญ คือการเรียนรู้วิธีต่อสู้กับปัญหาอย่างถูกต้อง
3.การผสมผสาน ได้แก่การเรียนรู้ที่จะผสมผสานวิธีการต่างๆ เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาได้สำเร็จ
4.การเผด็จ คือ การลงมือแก้ปัญหาให้หมดไป
ข.วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
            มุ่งพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการต่างๆ รวมทั้งพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ในการแก้ปัญหาและการดำรงชีวิต
ค.กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
1.ขั้นนำ การสร้างศรัทธา
-ผู้สอนจัดสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศในชั้นเรียนให้เหมาะสมกับเนื้อหา
-ผู้สอนสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียนและแสดงความรักความเมตตาและความจริงใจต่อศิษย์
2.ขั้นสอน
-ผู้สอนหรือผู้เรียนนำเสนอสถานการณ์ปัญหา
-ผู้เรียนฝึกทักษะการแสวงหาและรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง ความรู้และหลักการต่างๆ
-ผู้เรียนฝึกสรุปประเด็นสำคัญ ฝึกการประเมินค่า เพื่อหาแนวทางการแก้ไขที่ดีที่สุด
-ผู้เรียนฝึกทักษะการเลือกและตัดสินใจ
-ผู้เรียนลงมือปฏิบัติตามทางเลือกที่ได้ให้ไว้
3.ขั้นสรุป
-ผู้เรียนแสดงออกด้วยวิธีการต่างๆเช่น การพูด เขียน แสดง หรือกระทำในรูปแบบต่างๆ
-ผู้เรียนและผู้สอนสรุปบทเรียน
-ผู้สอนวัดประเมินผลการเรียนการสอน
ง.ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
   ผู้เรียนจะได้พัฒนาความสามารถในการเผชิญปัญหา และสามารถคิดและตัดสินใจอย่างเหมาะสม


2  รูปแบบการเรียนการสอนโดยศรัทธาและโยนิโสมนสิกา พัฒนาโดย สุมน อมรวิวัฒน์
ก.ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
            ในปี พ.ศ.2526 สุมน อมรวิวัฒน์ นักการศึกษาที่มีชื่อเสียงและมีผลงานทางกาศึกษาจำนวนมาก ได้นำแนวคิดจากหนังสือพุทธธรรมของพระราชวรมุณี (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)  เกี่ยวกับการสร้างศรัทธา มาสร้างเป็นหลักการและขั้นตอนการสอนตามแนวพุทธวิธีขึ้น รูปแบบการเรียนการสอนนี้พัฒนาขึ้นจากหลักการที่ว่า ครูเป็นบุคคลสำคัญที่สามารถจัดสภาพแวดล้อม แรงจูงใจ และวิธีการสอนที่จะให้ศิษย์เกิดศรัทธาในการเรียนรู้
ข.วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
          มุ่งพัฒนาความสามารถในการคิด การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน
ค.กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
2.1.ขั้นนำ การสร้างเจตคติที่ดีต่อครู วิธีกรเรียนและบทเรียน
-จัดบรรยากาศในชั้นเรียนให้เหมาะสม
-สร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับศิษย์
-การเสนอสิ่งเร้าและจูงใจ
         ก.ใช้สื่อการเรียนการสอน หรืออุปกรณ์และวิธีการต่างๆ
         ข.จัดกิจกรรมในขั้นนำที่สนุกและน่าสนใจ
         ค.ศิษย์ได้ตรวจสอบความรู้ ความสามารถของตนเอง
2.2.ขั้นสอน
-ครูเสนอปัญหาที่เป็นสาระสำคัญของบทเรียน
-ครูแนะนำแหล่งวิทยาการและแหล่งเรียนรู้
-ครูฝึกการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง ความรู้ และหลักการ
-ครูจัดกิจกิจกรรมกระตุ้นให้ผู้เรียนคิด ลงมือค้นคว้า
-ครูฝึกการสรุปประเด็นของข้อมูล
-ศิษย์ดำเนินการเลือกและตัดสินใจ
-ศิษย์ทำกิจกรรมฝึกปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ผลการเลือกและการตัดสินใจ
3.ขั้นสรุป
-ครูและศิษย์รวบรวมข้อมูลจากการสังเกตการณ์ปฏิบัติทุกขั้นตอน
-ครูและศิษย์ อภิปรายร่วมกัน
-ครูและศิษย์สรุปผลจากการปฏิบัติ
-ครูและศิษย์สรุปบทเรียน
-ครูวัดและประเมินผลการเรียนการสอน
ง.ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
ผู้เรียนจะได้พัฒนาทักษาในการคิด การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม



3รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดเป็นเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมไทย โดย หน่วยงานศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา
ก.ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
                หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา(2537) ได้พัฒนารายวิชา การคิดเป็นเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมไทย ขึ้น เพื่อพัฒนานักเรียนระดับมัธยมศึกษาให้สามารถคิดเป็น รู้จักและเข้าใจตนเอง รายวิชาประกอบด้วยเนื้อหา3เรื่องคือ 1.การพัฒนาความคิด(สติปัญญา) 2.การพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม(สัจธรรม) 3.การพัฒนาอารมณ์ ความรู้สึก  ซึ่งประกอบด้วยการพิจาณาข้อมูล 3ด้าน ได้แก่ ข้อมูลตนเอง ข้อมูลสังคมและสิ่งแวดล้อม และข้อมูลทางวิชาการ เพื่อเป้าหมายมราสำคัญคือการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
ข.วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
           มุ่งช่วยพัฒนาระบบการคิด ให้ผู้เรียนสามารถคิดเป็น
ค.กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
ขั้นที่1ขั้นสืบค้นปัญหา เผชิญสถานการณ์ในวิถีการดำรงชีวิต
ขั้นที่2ขั้นรวบรวมข้อมูลและผสมผสานข้อมูล2ด้าน
ขั้นที่3ขั้นการคิดการตัดสินใจอย่างมีเป้าหมาย
ขั้นที่4ขั้นปฏิบัติและตรวจสอบ
ขั้นที่5ขั้นประเมินผลและวางแผนพัฒนา
ง.ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนการตามรูปแบบ
             ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดเป็น สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ มีความเข้าใจในตนเองและผู้อื่นมากขึ้น เข้าใจระบบความสัมพันธ์ในสังคม และเกิดทักษะและเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต


4 รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้โมเดลซิปปา (CIPPA) หรือรูปแบบการประสานห้าแนวคิดหลัก โดย ทิศนา แขมมณี 



ก.ทฤษฏี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
           ทิศนา แขมมณี(2543:17) รองศาสตราจารย์ ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ได้พัฒนารูปแบบนี้ขึ้นจากประสบการณ์ที่ใช้ได้แนวคิดทางการศึกษาต่างๆในการสอนเป็นเวลาประมาณ30ปี และพบว่าหลักการเรียนรู้จำนวนหนึ่งสามารถใช้ได้ผลดีตลอดมา หลักการดังกล่าวได้แก่ 1.หลักการสร้างความรู้ 2.หลักกระบวนการกลุ่มและการเรียนรู้แบบร่วมมือ 3.หลักความพร้อมในการเรียนรู้ 4.หลักการการเรียนรู้กระบวนการ 5.หลักการถ่ายโอนการเรียนรู้ หลักการทั้ง5เป็นที่มาของแนวคิด “CIPPA”     ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สูงสุด
ข.วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
            มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนอย่างแท้จริง โดยการให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยหลักการร่วมมือจากกลุ่ม
ค.กระบวนการเรียนการสอนตามรูปแบบ
           ซิปปา(CIPPA) เป็นหลักการหรือแนวคิดซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหลักในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆให้แก่ผู้เรียน ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
ขั้นที่1การทบทวนความรู้เดิม
ขั้นที่2การแสวงหาความรู้ใหม่
ขั้นที่3การศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
ขั้นที่4การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม
ขั้นที่5การสรุปจัดระเบียบความรู้ และวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้
ขั้นที่6การปฏิบัติ/การแสดงผลงาน
ขั้นที่7การประยุกต์ใช้ความรู้
ง.ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
           ผู้เรียนจะเกิดความเข้าใจในสิ่งที่เรียน สามารถอธิบาย ชี้แจง ตอบคำถามได้ดี นอกจากนั้นยังได้พัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นกลุ่ม การสื่อสาร รวมทั้งเกิดการใฝ่รู้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น